วันจันทร์ที่ 28 พฤษภาคม พ.ศ. 2555

งานบทที่1

1.ระบบปฏิบัติการคอมพิวเตอร์คืออะไร
ตอบ=
คือ ฮาร์ดแวร์ ระบบปฏิบัติการ โปรแกรมประยุกต์ และผู้ใช้
    1. ฮาร์ดแวร์ ประกอบด้วยทรัพยากรต่างๆ ที่มีในระบบ ได้แก่ อุปกรณ์นำข้อมูลเข้า/ออก หน่วยประมวลผลกลาง และหน่วยความจำ นอกจากนี้ยังหมายความรวมถึง โปรแกรมภาษาเครื่อง และไมโครโปรแกรม ซึ่งเป็นส่วนที่บริษัทผู้ผลิตสร้างขึ้นเพื่อใช้เป็นซอฟร์แวร์ในระดับพื้นฐาน (primitive level) โดยสามารถทำงานได้โดยตรงกับทรัพยากรระบบด้วยคำสั่งง่ายๆ เช่น ADD MOVE หรือ JUMP คำสั่งเหล่านี้จะถูกกำหนดเป็นขั้นตอน การทำงานของวงจรภายในเครื่องคอมพิวเตอร์ ชุดคำสั่งที่ไมโครโปรแกรมต้องแปลหรือตีความหมายจะอยู่ใน รูปแบบภาษาเครื่องและมักเป็นคำสั่งในการคำนวณ เปรียบเทียบ และการควบคุมอุปกรณ์นำข้อมูลเข้า/ออก
    2. ระบบปฏิบัติการ เป็นโปรแกรมที่ทำงานเป็นตัวกลางระหว่างผู้ใช้เครื่องและฮาร์ดแวร์ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อจัดสภาพแวดล้อมให้ผู้ใช้ระบบสามารถปฏิบัติงานบน เครื่องคอมพิวเตอร์ได้ โดยจะเอื้ออำนวยการพัฒนาและการใช้โปรแกรมต่างๆ รวมถึงการจัดสรรทรัพยากรต่างๆ ให้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
    3. โปรแกรมประยุกต์ คือซอฟต์แวร์หรือโปรแกรมที่ถูกเขียนขึ้นเพื่อการทำงานเฉพาะอย่างที่เราต้อง การ เช่น งานส่วนตัว งานทางด้านธุรกิจ งานทางด้านวิทยาศาสตร์ โปรแกรมทางธุรกิจ เกมส์ต่างๆ ระบบฐานข้อมูล ตลอดจนตัวแปลภาษา เราอาจเรียกโปรแกรมประเภทนี้ว่า User's Program โปรแกรมประเภทนี้โดยส่วนใหญ่มักใช้ภาษาระดับสูงในการพัฒนา เช่นภาษา C, C++, COBOL, PASCAL, BASIC ฯลฯ ตัวอย่างของโปรแกรมที่พัฒนาขึ้นใช้ในทางธุรกิจ เช่น โปรแกรมระบบบัญชีจ่ายเงินเดือน (Payroll Program) โปรแกรมระบบเช่าซื้อ (Hire Purchase) โปรแกรมระบบสินค้าคงหลัง (Stock Program) ฯลฯ ซึ่งแต่ละโปรแกรมก็จะมีเงื่อนไขหรือแบบฟอร์มที่แตกต่างกัน ตามความต้องการหรือกฏเกณฑ์ของแต่ละหน่วยงานที่ใช้ ซึ่งโปรแกรมประเภทนี้เราสามารถดัดแปลงแก้ไขเพิ่มเติม (Modifications) ในบางส่วนของโปรแกรมเองได้ เพื่อให้ตรงกับความต้องการของผู้ใช้งานโปรแกรม
      โปรแกรมเหล่านี้เป็นตัวกำหนดแนวทางในการใช้ทรัพยากรระบบ เพื่อทำงานต่างๆ ให้แก่ผู้ใช้หลากหลายประเภท ซึ่งอาจเป็นได้ทั้งบุคคล โปรแกรม หรือเครื่องคอมพิวเตอร์ เช่นตัวแปรภาษาต้องใช้ทรัพยากรระบบในการแปลโปรแกรมภาษาระดับสูงให้เป็นภาษา เครื่องแก่โปรแกรมเมอร์ ดังนั้น ระบบปฏิบัติการต้องควบคุมและประสานงานในการใช้ทรัพยากรระบบของผู้ใช้ให้เป็น ไปอย่างถูกต้อง
    4. ผู้ใช้ ถึงแม้ระบบคอมพิวเตอร์จะประกอบด้วยองค์ ประกอบทั้งทางด้านฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์ แต่ระบบคอมพิวเตอร์จะไม่สามารถทำงานได้ถ้าขาดอีกองค์ประกอบหนึ่ง ซึ่งได้แก่ องค์ประกอบทางด้านบุคลากรที่จะเป็นผู้จัดการและควบคุมระบบคอมพิวเตอร์ให้ สามารถปฏิบัติงานได้อย่างราบรื่น คอยแก้ไขปัญหาต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นกับระบบคอมพิวเตอร์ พัฒนาโปรแกรมประยุกต์ต่าง ๆ รวมไปถึงการใช้งานโปรแกรมประยุกต์ที่ถูกพัฒนาขึ้น
2.ให้บอกคุณสมบัติเด่นของระบบปฏิบัติการแบบหลายโปรแกรม
ตอบ=
ระบบปฏิบัติการดอส (DOS : Disk Operating System)

เริ่มมีใช้ครั้งแรกบนเครื่อง IBM PC ประมาณปี ค.ศ. 1981 เรียกว่าโปรแกรม PC-DOS ต่อมาบริษัทไมโครซอฟต์ได้สร้าง MS-DOS สำหรับเครื่องคอมพิวเตอร์ทั่วไป และได้รับความนิยมอย่างแพร่หลายมาจนถึงปัจจุบัน ตั้งแต่รุ่น Versions 1.0 2.0 3.0 3.30 4.0 5.0 6.0 และ 6.22 ปัจจุบันมีซอฟต์แวร์ ทำงานภายใต้ระบบปฏิบัติการ MS-DOS อยู่เป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะไมโครคอมพิวเตอร์รุ่นเก่าๆ ที่มีทรัพยากรของระบบน้อย
ตัวอย่างหน้าต่างระบบปฏิบัติการ  MS-Dos

การใช้คำสั่งดอส โดยการพิมพ์คำสั่งที่เครื่องหมายพร้อมรับคำสั่ง ในลักษณะ Command Line ซึ่ง DOS
ติดต่อกับผู้ใช้ด้วยการพิมพ์คำสั่ง ไม่มีภาพกราฟิกให้ใช้ เรียกว่าทำงานในโหมดตัวอักษร Text Mode
ข้อเสีย คือ ติดต่อกับผู้ใช้ไม่สะดวก เพราะผู้ใช้ต้องจำ และพิมพ์คำสั่งให้ถูกต้องโปรแกรมจึงจะทำงาน ดังนั้นประมาณปี ค.ศ. 1985 บริษัทไมโครซอฟต์ได้พัฒนา Microsoft Windows Version 1.0 และเรื่อยมาจนถึง Version 3.11 ในปีค.ศ. 1990 ซอฟต์แวร์ดังกล่าว ทำงานแบบกราฟิกเรียกว่า Graphic User Interface (GUI) ทำหน้าที่แทนดอส ทำให้เกิดความสะดวกแก่ผู้ใช้อย่างมาก คุณสมบัติเด่นของ Microsoft Windows 3.11 คือทำงานในกราฟิกโหมด เป็น Multi-Tasking และ Generic แต่ยังคงทำงานในลักษณะ Single-User ยังคงต้องอาศัยระบบปฏิบัติการดอส ทำการบูทเครื่องเพื่อเริ่มต้นระบบก่อน

**************************************************
ระบบปฏิบัติการ Windows XPMicrosoft Windows Experience
เริ่มวางตลาดในปี ค.ศ. 2001 โดยคำว่า XP ย่อมาจาก experience แปลว่ามีประสบการณ์  ทุกๆ 2 ปี บริษัทผู้ผลิตจะวางตลาดวินโดวส์รุ่นใหม่ๆ โดยได้ใส่เทคโนโลยีที่ทันสมัย  และเปลี่ยนแปลงสิ่งที่เป็นข้อด้อยของรุ่นเก่า Windows XP มี จุดเด่นและความสามารถมากมาย ไม่ว่าจะเป็นระบบใช้งานที่ดูสวยงาม และง่ายกว่าวินโดวส์รุ่นเก่าๆ มีระบบช่วยเหลือในการปรับแต่งมากมาย เหมาะสำหรับนักคอมพิวเตอร์มือใหม่ และผู้ใช้งานทั่วไปอย่างยิ่ง
ตัวอย่างหน้าต่างระบบปฏิบัติการ Windows XP

Windows XP มีให้เลือกใช้สองรุ่นคือ Windows XP Home Edition ซึ่งเหมาะสำหรับผู้ใช้งานตามบ้าน ที่ไม่เชื่อมต่อกับเครือข่าย และอีกรุ่นคือ Windows Xp Professional Edition ซึ่งเหมาะกับผู้ใช้งานในองค์กรตั้งแต่ขนาดเล็กถึงขนาดใหญ่ เนื่องจากสามารถเชื่อมต่อกับระบบเครือข่ายได้ดี คนที่ใช้วินโดวส์เวอร์ชั่น XP จะต้องใช้เครื่องที่มีทรัพยากรมาก เช่น ซีพียู เพนเทียม 300 MHz ขึ้นไป แรมไม่ต่ำกว่า 128 MB ฮาร์ดดิสก์เหลือพื้นที่ว่างมากกว่า 1.5 GB เป็นต้น

  
**************************************************
ระบบปฏิบัติการลีนุกซ์Linux
เป็นระบบปฏิบัติการที่มีความสามารถสูง  ในการบริหารระบบเครือข่ายอินเทอร์เน็ต  มีลักษณะคล้ายการจำลองการทำงาน  มาจากยูนิกซ์ แต่จะมีความยืดหยุ่นในการทำงานมากกว่า  เป็น ระบบปฏิบัติการ ประเภทแจกฟรี (Open Source) ผู้นำไปใช้งาน สามารถที่จะพัฒนาและปรับปรุงในส่วนที่เกิดปัญหาระหว่างใช้งานได้ทันที อีกทั้งยังสามารถปรับให้เข้ากับฮาร์ดแวร์ที่ใช้เพื่อให้ได้ประสิทธิภาพของ ระบบมากที่สุด และยังมีการเพิ่มสมรรถนะ (Update) อยู่ตลอดเวลา

ตัวอย่างหน้าต่างระบบปฏิบัติการ Linux
ถือกำเนิดขึ้นในฟินแลนด์ ปี คศ. 1980 โดยลีนุส โทรวัลด์ส (Linus Trovalds) นักศึกษาภาควิชาวิทยาการคอมพิวเตอร์(Computer Science) ในมหาวิทยาลัยเฮลซิงกิ

**************************************************
ระบบปฏิบัติการ Mac
Macintosh
เป็น ระบบ ปฏิบัติการของเครื่องแมคอินทอช เป็นผลิตภัณฑ์แรกที่ประสบความสำเร็จเกี่ยวกับการทำงานแบบ GUI ในปี ค.ศ. 1984 ของบริษัท Apple ต่อมาได้มีการเปลี่ยนชื่อเป็นระบบปฏิบัติการ Mac OS โดยเวอร์ชันล่าสุดมีชื่อเรียกว่า Mac OS X เหมาะสมกับคอมพิวเตอร์ที่ผลิตโดยบริษัท Apple และมีความสามารถในการทำงานหลายโปรแกรมพร้อมกัน (Multitasking) เหมาะกับงานในด้านเดสก์ทอปพับลิชชิ่ง (Desktop Publishing)  

ตัวอย่างหน้าต่างระบบปฏิบัติการ
Mac

อูบุนตู (Ubuntu)

อูบุนตู (Ubuntu) (สัท: ùbúntú หรือ uːˈbunːtuː  มีการเรียกว่า อูบันตู บ้าง)
เป็นลินุกซ์ดิสทริบิวชันที่พัฒนาต่อมาจากเดเบียน การพัฒนาสนับสนุนโดยบริษัท
Canonical Ltd ซึ่งเป็นบริษัทของนายมาร์ก ชัทเทิลเวิร์ธ ชื่อของดิสทริบิวชันนั้นมาจากคำในภาษาซูลู และภาษาโคซา (ภาษาในแอฟริกาใต้) ว่า Ubuntu ซึ่งมีความหมายในภาษาอังกฤษคือ "humanity towards others"
อูบุนตูต่างจากเดเบียนตรงที่ออกรุ่นใหม่ทุก 6 เดือน และแต่ละรุ่นจะมีระยะเวลาในการสนับสนุนเป็นเวลา 18 เดือน รุ่นปัจจุบันของ Ubuntu คือ 9.04 รหัส Jaunty jackalope นั้น มูลนิธิ อูบุนตูได้ประกาศว่าจะขยายระยะเวลาสนับสนุนเป็น 3 ปี ซอฟต์แวร์ต่างๆ ที่รวมมาใน อูบุนตูนั้นเป็นซอฟต์แวร์เสรีทั้งหมด โดยจุดมุ่งหมายหลักของ อูบุนตูคือเป็นระบบปฏิบัติการสำหรับคนทั่วไป ที่มีโปรแกรมทันสมัย และมีเสถียรภาพในระดับที่ยอมรับได้
Ubuntu เปิดตัวเป็นครั้งแรกเมื่อวันที่ 20 ตุลาคม ค.ศ. 2004 โดยเริ่มจากการแยกตัวชั่วคราวออกมาทำจากโครงการ Debian GNU/Linux เมื่อเสร็จสิ้นคราวนั้นแล้วก็ได้มีการออกตัวใหม่ๆทุก 6 เดือน และมีการอับเดตระบบอยู่เรื่อยๆ Ubuntu เวอร์ชันใหม่ๆที่ออกมาก็ได้ใส่ GNOME เวอร์ชันล่าสุดเข้าไปด้วย โดยแผนการเปิดตัวทุกครั้งจะออกหลังจาก GNOME ออกหนึ่งเดือน ซึ่งตรงข้ามกับทางฝั่งที่แยกออกมาจาก Debian อื่นๆ เช่นพวก MEPIS, Xandros, Linspire, Progeny และ Libranet ทั้งหมดล้วนมีกรรมสิทธิ์ และไม่เปิดเผยCode ซึ่งเป็นส่วนที่อยู่ในรูปแบบธุรกิจ Ubuntu เป็นตัวปิดฉากหลักการของ Debian และมีการใช้งานฟรีมากที่สุดในเวลานี้
ปัจจุบัน Ubuntu ได้รับเงินทุนจาก บริษัท Canonical ในวันที่ 8 กรกฎาคม ค.ศ. 2005 นายมาร์ก ชัทเทิลเวิร์ธ และ บริษัทCanonical ประกาศสร้าง Ubuntu Foundation และเริ่มให้ทุนสนับสนุน 10 ล้านเหรียญสหรัฐ จุดมุ่งหมายของการริเริ่มที่แน่นอนว่าจะสนับสนุนและพัฒนา เวอร์ชันต่อๆไปข้างหน้าของ Ubuntu แต่ ในปี ค.ศ. 2006 จุดมุ่งหมายก็ได้หยุดลง นาย มาร์ก ชัทเทิลเวิร์ธ กล่าวว่าจุดมุ่งหมายที่จะได้เงินทุนฉุกเฉินจากความสัมพันธ์กับบริษัทCanonical คงจบลง
ตัวอย่างหน้าต่างระบบปฏิบัติการ อูบุนตู (Ubuntu)

3.คุณสมบัติของระบบปฏิบัติการแบบโปรแกรมเดียวกับแบบหลายโปรแกรมมีคุณสมบัติเหมือนหรือแตกต่างกันอย่างไร
ตอบ=

 ระบบโปรแกรมเดี่ยว ( Single program)
                 คอมพิวเตอร์ระบบนี้จะสามารถรันโปรแกรมของผู้ใช้ได้เพียงครั้งละ 1 โปรแกรมเท่านั้น สามารถแบ่ง
       ส่วนของหน่วยความจำออกเป็น 2 ส่วนคือ
       1. ส่วนของโอเอส คือหน่วยความจำที่ถูกครอบครองโดยโอเอส อย่างที่ทราบกันว่าโอเอสก็เป็น
        โปรแกรมเช่นกัน โอเอสจะครอบครองหน่วยความจำที่ริมด้านใดด้านหนึ่งหรือทั้ง 2 ด้าน เพื่อให้พื้นที่เหลือยาว
       ต่อเนื่องเป็นผืนใหญ่ผืนเดียว
       2. ส่วนของผู้ใช้ (User area) คือส่วนที่สามารถนำโปรแกรมของผู้ใช้ไปวางได้ ดังนั้นในส่วนนี้คือ
       หน่วยความจำที่เหลือจากส่วนของโอเอส
 
       ระบบหลายโปรแกรม
               การทำงานของโปรแกรมส่วนมากจะเสียเวลาไปกับการทำงานด้าน Input-Output ซึ่งเป็นงานที่ไม่ต้อง
      ใช้Cpu ดังนั้นเวลาที่ใช้ซีพียูจริง ๆ นั้นมีน้อยมากในระบบโปรแกรมเดี่ยว ช่วงเวลาที่รอการทำงานของ routine
      ทางอินพุต-เอาต์พุต ซีพียูจะอยู่เฉย (idle) ไม่ได้ทำงาน ดังนั้นในช่วงเวลานี้เราอนุญาติให้นำโปรแกรมอื่นเข้ามาใช้
      ซีพียูได้มันจึงคุ้มค่า แนวคิดนี้จึงสร้างคอมพิวเตอร์ที่สามารถรันได้หลาย ๆ โปรแกรมในเวลาเดียวกัน เรียกระบบน๊็
      ว่าระบบหลายโปรแกรม (Multiprogramming) เมื่อคอมฯสามารถรันได้หลายโปรแกรมพร้อม ๆ กันจึงจำเป็นต้อง
      แบ่ง partition หน่วยความจำออกเป็นส่วน ๆ สำหรับแต่ละโปรแกรมเพื่อไม่ให้ปะปนกัน และเพื่อให้รันโปรแกรม
      ได้หลายโปรแกรม

4.ความหมายและวิวัฒนาการของระบบปฏิบัติการ
ตอบ=

ระบบปฏิบัติการเป็นอย่างไร

The first computers didn't have operating systems, and could only run one program at a time. คอมพิวเตอร์เครื่องแรกที่ไม่ได้มีระบบปฏิบัติการและมีเพียงสามารถเรียกใช้โปรแกรมหนึ่งที่เวลา The first electronic computing circuits were little more than separate functions and didn't really need even a programming language to be tested. ก่อนวงจรคอมพิวเตอร์อิเล็กทรอนิกส์มีน้อยกว่าการทำงานที่แยกจากกันและไม่ได้ต้องการจริงๆแม้ภาษาการเขียนโปรแกรมที่จะทดสอบ In about 1945 computers such as the Eniac were built that took up 4 square blocks of space and had about the same power as a 4 function calculator you might get on a keychain today. ในเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ 1945 เช่น ENIAC ถูกสร้างขึ้นที่เอาขึ้น 4 บล็อกที่สองของพื้นที่และมีเกี่ยวกับพลังงานเช่นเดียวกับเครื่องคิดเลขฟัง ก์ชั่น 4 คุณอาจได้รับในพวงกุญแจในวันนี้ Programming of these behemoths was done by plugboards that fitted onto something a lot like a telephone switchboard. การเขียนโปรแกรมจาก behemoths เหล่านี้ทำโดย plugboards ที่ติดตั้งบนบางสิ่งบางอย่างมากเช่นสวิตช์บอร์ดโทรศัพท์ Since they were experimental engines running on vacuum tubes at that time and maintenance was an issue, little productivity was practical, and only a few people knew how to run them. เนื่องจากพวกเขาถูกทดลองเครื่องยนต์ที่ทำงานอยู่บนหลอดสูญญากาศในขณะนั้นและ การบำรุงรักษาเป็นปัญหาผลผลิตน้อยคือการปฏิบัติและมีเพียงไม่กี่คนที่รู้ วิธีการเรียกพวกเขา Programming was done in each individual machines own machine language, and so operating systems weren't required. การเขียนโปรแกรมได้กระทำในแต่ละภาษาเครื่องเครื่องของตัวเองและเพื่อให้ระบบปฏิบัติการไม่ถูกต้อง By the 1950's the invention of the punch card machine made it easier to read in a small program, but all the operating of the system required was the pushing of a few buttons, one to load the cards into memory and another to run the program. โดย 1950 ของการประดิษฐ์ของเครื่องบัตรเจาะทำให้มันง่ายต่อการอ่านในโปรแกรมขนาดเล็ก แต่ทั้งหมดของระบบปฏิบัติการที่จำเป็นคือการผลักดันของปุ่มไม่กี่คนหนึ่งใน การโหลดการ์ดหน่วยความจำและอื่น ๆ เพื่อเรียกใช้โปรแกรม
In the mid 1950's, transistors made the computer circuit solid state, which eliminated the need to constantly patrol the innards of the computer to find burned out tubes and clean bugs out of the electrical contacts. ในช่วงกลางทศวรรษ 1950, ทรานซิสเตอร์ที่ทำคอมพิวเตอร์วงจรสถานะของแข็งซึ่งกรอบความต้องการอย่างต่อ เนื่องลาดตระเวนอวัยวะภายในของคอมพิวเตอร์เพื่อค้นหาเผาออกท่อและข้อบกพร่อง ที่สะอาดออกจากรายชื่อไฟฟ้า The first solid state computers took up large air-conditioned computer rooms with racks of components and were used primarily by Governments to do processing of tables such as ballistic tables needed to aim military weapons. ก่อนคอมพิวเตอร์สถานะของแข็งขนาดใหญ่เอาขึ้นเครื่องปรับอากาศห้อง คอมพิวเตอร์ที่มีชั้นวางของชิ้นส่วนและถูกนำมาใช้เป็นหลักโดยรัฐบาลจะทำ อย่างไรในการประมวลผลของตารางเช่นตารางขีปนาวุธที่จำเป็นในการมุ่งอาวุธทหาร This resulted in a need for more control of the time spent per operation, which saw the separation of the maintenance and operations group from the programmers. ส่งผลให้ความต้องการสำหรับการควบคุมมากขึ้นของเวลาที่ใช้ต่อการดำเนินงาน ซึ่งเห็นการแยกของการบำรุงรักษาและกลุ่มการดำเนินงานจากโปรแกรมเมอร์ At first, programmers wrote out their program on paper, then punched it into cards which the operators would load in sequence into the machine, one stack of cards at a time. ตอนแรกโปรแกรมเมอร์เขียนโปรแกรมของพวกเขาออกบนกระดาษเจาะแล้วมันเป็นบัตรที่ ผู้ประกอบการจะโหลดในลำดับที่ลงในเครื่องหนึ่งสแต็คของการ์ดในเวลา Later a Job Control Language was designed that allowed the programmer to declare job information itself as part of their stack of cards, and it became possible to run a program called a monitor that read in the stack and stored it on a tape called the input tape. ต่อมาภาษาควบคุมงานได้รับการออกแบบที่ได้รับอนุญาตโปรแกรมเมอร์ที่จะประกาศ ข้อมูลงานที่ตัวเองเป็นส่วนหนึ่งของสแต็คของการ์ดและมันก็กลายเป็นไปได้ที่ จะเรียกใช้โปรแกรมที่เรียกว่าจอแสดงผลที่อ่านในสแต็คและจัดเก็บไว้ในเทปที่ เรียกว่าเทปใส่ . The input tape could then be run on a separate computer, the "Main Frame," and spool its output to a second tape called the output tape, which would be later mounted on the printer to output the response to the program. เทปใส่ได้แล้วจะเรียกใช้บนคอมพิวเตอร์ที่แยกต่างหาก "เฟรมหลัก" และหลอดเอาท์พุทเพื่อเทปที่สองเรียกว่าเทปเอาท์พุทซึ่งจะถูกติดตั้งในภาย หลังบนเครื่องพิมพ์เพื่อส่งออกไปยังโปรแกรมการตอบสนอง The batch monitor was the closest thing to an operating system that this early form of computer had. ชุดจอแสดงผลเป็นสิ่งที่ใกล้กับระบบปฏิบัติการที่ว่านี้แบบฟอร์มการเริ่มต้นของการใช้คอมพิวเตอร์มี It's job was to read information from the cards and set up the job, automatically freeing up an operator. งานมันก็คือการอ่านข้อมูลจากการ์ดและติดตั้งงานโดยอัตโนมัติพ้นขึ้นผู้ประกอบการ Also at about this time, Fortran was invented, and a "compiler" spool could be loaded on the mainframe to allow the programmers to write in a human readable form, while the computer operated still in machine language. นอกจากนี้ที่เกี่ยวกับเวลานี้ Fortran ถูกคิดค้นและ "คอมไพเลอร์" ปูลสามารถโหลดบนเมนเฟรมเพื่อให้โปรแกรมเมอร์ในการเขียนในรูปแบบที่อ่านได้ ของมนุษย์ในขณะที่คอมพิวเตอร์ดำเนินการยังอยู่ในภาษาเครื่อง
By 1965 the first operating system like programs were beginning to show up, like the Fortran Monitoring System, which had to deal with loading three types of programs, the Fortran Program, the Compiler, and the Machine language program that was the result of complication. โดย 1965 ระบบปฏิบัติการแรกที่เหมือนโปรแกรมที่กำลังเริ่มต้นที่จะแสดงขึ้นเช่นระบบ การตรวจสอบ Fortran ซึ่งมีการจัดการกับการโหลดสามประเภทของโปรแกรมโปรแกรม Fortran, คอมไพเลอร์และโปรแกรมภาษาเครื่องที่เป็นผลมาจากภาวะแทรกซ้อน This necessitated that the program be able to tell in some manner which type of file it was reading on the tape. นี้จำเป็นต้องมีโปรแกรมที่จะสามารถบอกในลักษณะที่บางชนิดของไฟล์ที่จะถูกอ่านบนเทป A similar system, IBSYS was IBM's operating system for the 7094. ระบบที่คล้ายกัน IBSYS คือระบบปฏิบัติการของไอบีเอ็มสำหรับ 7094 Loading the operating system required that a tape containing the operating system be loaded first in order to start the operating system. โหลดระบบปฏิบัติการที่จำเป็นว่าเทปที่มีระบบปฏิบัติการที่สามารถโหลดได้ครั้งแรกในการเริ่มต้นระบบปฏิบัติการ Early operating systems did not have the bootstrap mechanism which all modern operating systems use to initialize the computer, so start up of a computer was a long and involved process. ระบบปฏิบัติการก่อนเวลาที่กำหนดไม่ได้มีกลไกการบูตที่ทุกระบบปฏิบัติการที่ ทันสมัย​​ใช้ในการเริ่มต้นใช้คอมพิวเตอร์เพื่อเริ่มต้นขึ้นของเครื่อง คอมพิวเตอร์เป็นกระบวนการที่ยาวและมีส่วนร่วมคือ
By the early 1960's it became obvious that computer companies were having to support two completely different types of computers, 1401 like character based computers, and word-oriented 7094 like scientific computers. โดยช่วงต้นปี 1960 มันก็กลายเป็นที่ชัดเจนว่า บริษัท คอมพิวเตอร์ถูกต้องให้การสนับสนุนทั้งสองประเภทที่แตกต่างกันอย่างสมบูรณ์ ของเครื่องคอมพิวเตอร์, 1401 เช่นคอมพิวเตอร์ที่ใช้ตัวอักษรและคำที่มุ่งเน้น 7094 เช่นคอมพิวเตอร์ทางวิทยาศาสตร์ Maintenance and training on these completely different systems was problematic so IBM invented System/360 and created a range of products that used this common architecture. การบำรุงรักษาและการฝึกอบรมเกี่ยวกับระบบที่แตกต่างกันอย่างสมบูรณ์เหล่านี้ เป็นปัญหาดังนั้น IBM System/360 คิดค้นและสร้างช่วงของผลิตภัณฑ์ที่ใช้สถาปัตยกรรมนี้ร่วมกัน The IBM 360 was the first computer line to use small scale integrated circuits, and thus offered a major cut in price over earlier solid state machines. ไอบีเอ็มคือสาย 360 คอมพิวเตอร์แรกที่ใช้วงจรรวมขนาดเล็กขนาดและที่นำเสนอจึงตัดรายใหญ่ในราคา มากกว่าที่เป็นของแข็งก่อนหน้านี้เครื่องรัฐ This radically expanded the market and the power of the machines. นี้ขยายตัวรุนแรงในตลาดและพลังงานของเครื่อง
OS360 was written to act as the operating system on all of the System360 machines from the smallest input processor to the largest number cruncher type processor. OS360 ถูกเขียนขึ้นเพื่อทำหน้าที่เป็นระบบปฏิบัติการบนทั้งหมดของ System360 เครื่องจากหน่วยประมวลผลอินพุตที่เล็กที่สุดไปยังหมายเลขที่ใหญ่ที่สุด cruncher โปรเซสเซอร์ชนิด It was made up of literally thousands of lines of code written by hundreds of programmers, and maintenance was problematic since almost every time a bug was fixed a new one would be generated. มันถูกสร้างขึ้นจากนับพันตัวอักษรจากบรรทัดของโค้ดที่เขียนโดยโปรแกรมเมอร์ หลายร้อยและการบำรุงรักษาเป็นปัญหามาตั้งแต่เกือบทุกครั้งที่ปัญหาถูกแก้ไข ใหม่จะถูกสร้างขึ้น Despite the impossibility to maintain such a massive monolithic program it was a distinct improvement on previous second generation operating systems, and became quite popular. แม้จะมีความเป็นไปไม่ได้ที่จะรักษาดังกล่าวเป็นโปรแกรมเสาหินขนาดใหญ่ก็คือ การปรับปรุงที่แตกต่างกันเกี่ยวกับหน้าที่ระบบปฏิบัติการรุ่นที่สองและกลาย เป็นที่นิยมมาก
One of the concepts that it popularized was the idea of multi-computing, where instead of waiting for a single job, the computer could be running multiple jobs simultaneously. หนึ่งในแนวคิดที่ว่ามันเป็นความคิดที่นิยมของหลายคอมพิวเตอร์ที่แทนการรอคอยสำหรับงานเดียวคอมพิวเตอร์สามารถทำงานงานหลายคนพร้อมกัน This eliminated waiting periods while the operators mounted the tapes, since the computer could be processing a different program while it waited. เพื่อลดระยะเวลารอในขณะที่ผู้ประกอบการติดตั้งเทปเนื่องจากคอมพิวเตอร์สามารถประมวลผลโปรแกรมที่แตกต่างกันในขณะที่มันรอ One problem with combining business computer operating systems with number crunching system operating systems, was that the size of the jobs involved required different strategies. ปัญหาหนึ่งที่มีการรวมธุรกิจระบบปฏิบัติการของคอมพิวเตอร์ที่มีระบบกระทืบ หมายเลขของระบบปฏิบัติการคือการที่ขนาดของงานที่เกี่ยวข้องจำเ​​ป็นต้องใช้ กลยุทธ์ที่แตกต่าง Business jobs were simple, and required less time per job, and as a result mounting and unmounting tapes took up 80 to 90 percent of the processing time. งานธุรกิจได้ง่ายและต้องใช้เวลาน้อยลงต่องานและเป็นผลการติดตั้งและ unmounting เทปเอาขึ้น 80 ถึง 90 เปอร์เซ็นต์ของเวลาการประมวลผล While a large number cruncher was still expensive enough that small jobs were not economical so mounting tapes was more like 10 percent of the job, and not a significant problem. ในขณะที่ cruncher จำนวนมากยังคงมีราคาแพงพอที่งานเล็ก ๆ ไม่ประหยัดเพื่อให้เทปติดได้มากขึ้นเช่นร้อยละ 10 ของงานและไม่เป็นปัญหาอย่างมีนัยสำคัญ One way of getting around this was to partition the memory, so that each job could have its own partition. วิธีหนึ่งในการรับรอบนี้คือพาร์ทิชันของหน่วยความจำเพื่อให้งานแต่ละงานจะมีพาร์ทิชันของตัวเอง This went along with the Multi-programming concept, because it meant that more than one job could run at the same time on the same computer without interfering with the memory of other jobs. นี้ไปพร้อมกับแนวคิดการเขียนโปรแกรมแบบ Multi-เพราะมันหมายความว่ามากกว่าหนึ่งงานที่สามารถเรียกใช้ในเวลาเดียวกัน บนคอมพิวเตอร์เครื่องเดียวกันโดยไม่รบกวนกับหน่วยความจำของงานอื่น ๆ
Along with this concept came the idea of running the card reader from one partition, the number crunching in another, and the output to the printer from a third, eliminating the satellite 1401 type computers, and reducing the wear and tear on tapes from mounting stress. พร้อมกับแนวคิดนี้ความคิดของการทำงานเครื่องอ่านบัตรจากที่หนึ่งพาร์ทิชันมา จำนวนกระทืบในอื่นและเอาท์พุทไปยังเครื่องพิมพ์ที่สาม, การขจัดสัญญาณดาวเทียมคอมพิวเตอร์ประเภท 1401 และลดการสึกหรอและการฉีกขาดในเทปจากความเครียดติด . While third generation units were good for large runs they were essentially still batch systems and as programs began to become more complex, managing the card stacks for a program became unwieldy. ในขณะที่หน่วยรุ่นที่สามได้ดีสำหรับการทำงานขนาดใหญ่ที่พวกเขายังคงเป็นหลัก ในระบบแบทช์และเป็นโปรแกรมเริ่มที่จะกลายเป็นความซับซ้อนมากขึ้นในการจัดการ กองการ์ดสำหรับโปรแกรมกลายเป็นเทอะทะ This paved the way for timesharing systems where each user had his own terminal, and they shared a central mainframe. นี้ปูทางสำหรับระบบ timesharing ที่ผู้ใช้แต่ละคนมีขั้วของตัวเองและพวกเขาร่วมกันเมนเฟรมกลาง
Timesharing didn't become popular until late in the third generation when the hardware for protection mechanisms became widespread. timesharing ไม่ได้กลายเป็นที่นิยมจนถึงปลายยุคที่สามเมื่อฮาร์ดแวร์สำหรับกลไกการป้องกันเป็นอย่างกว้างขวาง At that time, the idea of a Computing Utility began to be worked on, the idea being that a single mainframe would supply timesharing opportunities to the whole Boston Area. ในเวลานั้นความคิดของยูทิลิตี้ Computing เริ่มที่จะทำงานในความคิดที่ถูกที่เมนเฟรมเดียวจะจัดหาโอกาส timesharing ไปในบริเวณบอสตันทั้ง Out of this concept the first 4th generation operating system MULTICS was born. ออกไปจากแนวคิดนี้รุ่นแรก Multics ปฏิบัติการระบบ 4 เกิด Of course the idea was based on the small scale integration, and the development of LSI and then Later VLSI (Very large scale Integration) eventually replaced whole rooms of computers with a small desktop unit. แน่นอนความคิดที่อยู่บนพื้นฐานของการบูรณาการระดับเล็กและการพัฒนาของ LSI และ VLSI แล้วต่อมา (บูรณาการขนาดใหญ่มาก) ในที่สุดก็ถูกแทนที่ด้วยห้องพักทั้งหมดของเครื่องคอมพิวเตอร์ที่มีหน่วย เดสก์ทอปขนาดเล็ก As a result of LSI (Large Scale Integration) it became possible to build a whole computer system on a single rack. เป็นผลจากการ LSI (บูรณาการขนาดใหญ่) มันก็กลายเป็นไปได้ที่จะสร้างระบบคอมพิวเตอร์ทั้งในชั้นเดียว These Mini-computers began to compete with IBM for smaller businesses, and because their financing terms were not as pecuniary their ability to compete made them replacements for the small and midsized system360 components. เหล่านี้คอมพิวเตอร์มินิเริ่มที่จะแข่งขันกับไอบีเอ็มสำหรับธุรกิจขนาดเล็ก และเนื่องจากเงื่อนไขทางการเงินของพวกเขาไม่ได้เงินเป็นความสามารถในการแข่ง ขันทำแทนพวกเขาสำหรับการขนาดเล็กและ midsized system360 ส่วนประกอบ It was not surprising by the 80's to find that a timesharing system used mini-computers as their front ends to handle terminal multiplexing and had a mainframe as the main computing mechanism. มันไม่ได้น่าแปลกใจโดย 80 ของที่จะพบว่าระบบ timesharing ใช้คอมพิวเตอร์ขนาดเล็กที่เป็นด้านหน้าของพวกเขาจะสิ้นสุดลงในการจัดการ มัลติมินัลและมีเมนเฟรมคอมพิวเตอร์เป็นกลไกหลัก
In the 1970's Ken Thompson designed UNIX as a stripped down one user version of MULTICS based on a PDP-7 Minicomputer. ในปี 1970 เคน ธ อมป์สันได้รับการออกแบบ UNIX เป็นปล้นลงรุ่นหนึ่งของผู้ใช้ Multics อยู่กับมินิคอมพิวเตอร์ PDP-7 Since he published the source code, it became a popular operating system and was used extensively by Universities and small businesses. ตั้งแต่เขาตีพิมพ์ซอร์สโค้ดมันก็กลายเป็นระบบปฏิบัติการที่เป็นที่นิยมและถูกใช้อย่างกว้างขวางโดยมหาวิทยาลัยและธุรกิจขนาดเล็ก By the 1990's it was so popular that more software was being written for it, by outsiders than was written by ATT, the then license holder for it. โดยปี 1990 มันเป็นที่นิยมเพื่อให้ซอฟแวร์เพิ่มเติมได้ถูกเขียนขึ้นสำหรับมันโดยบุคคล ภายนอกที่ไม่ใช่เป็นหนังสือที่เขียนโดย ATT ในฐานะผู้ถือใบอนุญาตแล้วสำหรับมัน Legal battles between ATT and Universities as to who owned the rights to the new software involved in Unix V5 resulted in two things, the sale of the operating system to SCO and the development of an alternative kernel by Linus Torvalds that could run the by then public domain software produced by the universities because it met the POSIX standard which had been developed by IEEE. การต่อสู้ทางกฎหมายระหว่าง ATT และมหาวิทยาลัยที่เป็นผู้เป็นเจ้าของสิทธิในการใช้ซอฟต์แวร์ใหม่ที่เกี่ยว ข้องใน Unix V5 ผลในสองสิ่งที่ขายของระบบปฏิบัติการเพื่อ SCO และการพัฒนาทางเลือกของเคอร์เนลโดย Linus Torvalds ที่สามารถเรียกใช้โดยสาธารณะแล้ว ซอฟท์แวโดเมนที่ผลิตโดยมหาวิทยาลัยเพราะได้พบกับมาตรฐาน POSIX ซึ่งได้รับการพัฒนาโดย IEEE
It was this defiant rewrite of an operating system kernal that created the Open software movement that has powered the internet revolution. มันเป็นแบบนี้เขียนเป็นปฏิปักษ์ของระบบปฏิบัติการที่สร้างขึ้น kernal เคลื่อนไหวซอฟต์แวร์เปิดที่มีการขับเคลื่อนการปฏิวัติอินเทอร์เน็ต Most operating systems today have gained by the work of the Open Software Movement because their internet software's sophistication, depends on ideas pioneered and spread through free software. ระบบปฏิบัติการส่วนใหญ่ในวันนี้ได้รับจากการทำงานของซอฟแวร์การเคลื่อนไหว เปิดเนื่องจากความซับซ้อนซอฟต์แวร์อินเทอร์เน็ตของพวกเขาขึ้นอยู่กับความคิด ริเริ่มและแพร่กระจายผ่านทางซอฟแวร์ฟรี
For most purposes today, an operating system is best defined as the software that comes on an operating system install CD or DVD. เพื่อประโยชน์ในที่สุดวันนี้ระบบปฏิบัติการที่ดีที่สุดจะถูกกำหนดเป็น ซอฟต์แวร์ที่มาพร้อมกับระบบปฏิบัติการที่ติดตั้งแผ่นซีดีหรือดีวีดี This definition works well for users and operating system vendors. ความหมายนี้ทำงานได้ดีสำหรับผู้ใช้และผู้จำหน่ายระบบปฏิบัติการ It has even been argued in court. จะได้รับการถกเถียงกันอยู่แม้กระทั่งในศาล
A definition of an operating system now might look like the following: ความหมายของระบบปฏิบัติการในขณะนี้อาจมีลักษณะดังต่อไปนี้:
A System ระบบ
A set of principles and concepts and all of the components which obey these principles. ชุดของหลักการและแนวความคิดและทุกองค์ประกอบที่เป็นไปตามหลักการเหล่านี้
An Operating System ระบบปฏิบัติการ
A system of software which serves as a base for its users' programmatic computing needs. ระบบซอฟแวร์ซึ่งทำหน้าที่เป็นฐานสำหรับผู้ใช้ 'ความต้องการการใช้คอมพิวเตอร์โปรแกรม
By programmatic we mean that the software is used primarily by programs, as opposed to interactively by the user directly. โดยโปรแกรมที่เราหมายถึงว่าซอฟต์แวร์ที่ใช้งานเป็นหลักโดยโปรแกรมซึ่งตรงข้ามกับแบบที่สามารถโต้ตอบโดยผู้ใช้โดยตรง
So C++ for example is not an operating system since it fails to provide many critical functions of computation. ดังนั้น C + + เช่นไม่ได้เป็นระบบการดำเนินงานตั้งแต่มันล้มเหลวเพื่อให้การทำงานที่สำคัญมากของการคำนวณ Without execution of programs, scheduling of processes, and many other functions provided to C++ by system software it would be impossible for C++ to run on top of bare hardware. โดยการดำเนินการของโปรแกรมการตั้งเวลาของกระบวนการและฟังก์ชั่นอื่น ๆ อีกมากมายให้กับ C + + โดยซอฟต์แวร์ระบบมันจะเป็นไปไม่ได้สำหรับ C + + เพื่อทำงานบนฮาร์ดแวร์เปลือย Basic, Lisp, Smalltalk, and Java in contrast can sometimes be considered operating systems. Basic, เสียงกระเพื่อม, Smalltalk และ Java ในทางตรงกันข้ามบางครั้งได้รับการพิจารณาระบบปฏิบัติการ Although routinely hosted on top of other OSes, they have sometimes been run directly on top of exotic special-purpose hardware. แม้ว่าเจ้าภาพประจำที่ด้านบนของระบบปฏิบัติการอื่น ๆ ที่พวกเขาได้รับบางครั้งก็เรียกใช้โดยตรงบนฮาร์ดแวร์วัตถุประสงค์พิเศษที่ แปลกใหม่
Moving onto principles, UNIX for example has as its principles "everything is a file, referred to by a descriptor" and "programs act as filters". การย้ายเข้าสู่หลักการของ UNIX เช่นมีเป็นหลักการว่าด้วย "ทุกอย่างเป็นแฟ้มที่อ้างถึงโดยอธิบาย" และ "โปรแกรมทำหน้าที่เป็นตัวกรอง" All of the little programs and utilities that obey these principles are an integral part of the operating system whereas the X Window System, which does not obey these principles, is not. ทั้งหมดของโปรแกรมเล็ก ๆ น้อย ๆ และระบบสาธารณูปโภคที่เชื่อฟังหลักการเหล่านี้เป็นส่วนหนึ่งของระบบปฏิบัติ การในขณะที่ระบบ X Window ซึ่งไม่เชื่อฟังหลักการเหล่านี้ไม่ได้เป็น
In contrast, Plan 9, a derivative of Unix, has as its principle "everything is a filesystem" and many more functions are part of the operating system in Plan 9 than in Unix. ในทางตรงกันข้ามแผน 9 อนุพันธ์ของยูนิกซ์มีเป็นหลักการของ "ทุกอย่างเป็นระบบแฟ้ม" และฟังก์ชั่นอื่น ๆ อีกมากมายเป็นส่วนหนึ่งของระบบปฏิบัติการในแผน 9 กว่าใน Unix In particular, Plan 9's windowing system is an integral part of the operating system. โดยเฉพาะอย่างยิ่งระบบ Windowing แผน 9 เป็นส่วนหนึ่งของระบบปฏิบัติการ

[ edit ] A note on consistency [ แก้ไข ] หมายเหตุเกี่ยวกับความสอดคล้อง

While an operating system is a set of principles and the software that obeys them, it is often the case that parts of the operating system disobey the principles. ในขณะที่ระบบปฏิบัติการเป็นชุดของหลักการและซอฟต์แวร์ที่เชื่อฟังพวกเขาก็มักจะเป็นกรณีที่ชิ้นส่วนของระบบปฏิบัติการฝ่าฝืนหลักการ This is the case when the principles aren't expressed clearly and/or they are inadequate. นี่คือกรณีที่เมื่อหลักการที่จะไม่แสดงความชัดเจนและ / หรือพวกเขาจะไม่เพียงพอ
In the case of Unix and Plan 9, processes are neither filestreams nor filesystems. ในกรณีของ Unix และแผน 9, กระบวนการ filestreams มิได้ filesystems It is impossible, for example, to duplicate a process by copying it. มันเป็นไปไม่ได้เช่นการทำซ้ำขั้นตอนโดยการคัดลอกมัน So we see that the principles "everything is a filestream / filesystem" are inadequate. ดังนั้นเราจะเห็นว่าหลักการ "ทุกอย่างเป็น FILESTREAM / ระบบแฟ้ม" ไม่เพียงพอ Note that just because something is a filter doesn't prevent it from being a filestream; the concept of filestreams is simply inadequate. โปรดทราบว่าเพียงเพราะสิ่งที่เป็นตัวกรองไม่ได้ป้องกันมันจากการถูก FILESTREAM; แนวคิดของ filestreams ไม่เพียงพอเพียง
The result of inadequate principles is that development proceeds at random, following the path of least resistance. ผลของหลักการไม่เพียงพอก็คือเงินในการพัฒนาที่สุ่มไปตามเส้นทางของความต้านทานน้อย The end result of such development cannot be characterized by any design principles at all, and has abrogated any principles the system began with. ผลลัพธ์ที่ได้จากการพัฒนาดังกล่าวไม่สามารถใด ๆ โดดเด่นด้วยหลักการออกแบบที่ทั้งหมดและได้ยกเลิกหลักการใด ๆ ที่ระบบเริ่มต้นด้วย This explains both modern Unix and C++. นี้จะอธิบายทั้งที่ทันสมัย​​ Unix และ C + + Such systems are only perceived to be cohesive in that their incoherence is sharply distinguished from other systems. ระบบดังกล่าวจะรับรู้เท่านั้นที่จะเหนียวในการที่ไม่ติดต่อกันของพวกเขาจะประสบความสำเร็จอย่างมากจากระบบอื่น ๆ
 วิธีที่จะแยกแยะระบบปฏิบัติการที่แตกต่างกัน?
For academic purposes, a good test of the differences between two operating systems is ease of porting software. เพื่อประโยชน์ในทางวิชาการการทดสอบที่ดีของความแตกต่างระหว่างสองระบบปฏิบัติการคือความสะดวกของซอฟต์แวร์ porting If two operating systems are such that porting software from one to another is difficult because the concepts are different, then the OSes are relatively unalike. หากทั้งสองระบบปฏิบัติการดังกล่าวที่ซอฟต์แวร์ porting จากที่หนึ่งไปยังอีกเป็นเรื่องยากเพราะแนวความคิดที่แตกต่างกันจากนั้นระบบ ปฏิบัติการจะไม่เท่ากันค่อนข้าง At the other extreme, if two platforms are such that no effort is required to "port" from one to another, then the two are relatively similar. ที่มาก ๆ ถ้าทั้งสองแพลตฟอร์มดังกล่าวว่าไม่มีความพยายามที่จะต้อง "พอร์ต" จากที่หนึ่งไปยังอีกแล้วทั้งสองมีลักษณะที่คล้ายค่อนข้าง Because there are legal reasons why we can't call two different products produced by different manufactorers the same, we call them Compatible. เนื่องจากมีเหตุผลทางกฎหมายเป็นเหตุผลที่เราไม่สามารถเรียกสองผลิตภัณฑ์ที่ แตกต่างกันที่ผลิตโดย manufactorers ที่แตกต่างกันเดียวกันเราเรียกพวกเขาเข้ากันได้
Usually two systems that are compatible are so because they follow a single protocol called a standard. โดยปกติแล้วทั้งสองระบบที่เข้ากันได้เป็นอย่างนี้ก็เพราะว่าพวกเขาปฏิบัติตามโปรโตคอลมาตรฐานเดียวที่เรียกว่า Organizations like IEEE, and ISO, publish these standards, and different companies can build their project to the standard even though they have proprietary elements at a lower level. องค์กรเช่น IEEE และ ISO เผยแพร่มาตรฐานเหล่านี้และ บริษัท ที่แตกต่างกันสามารถสร้างโครงการของตนเพื่อมาตรฐานถึงแม้พวกเขามีองค์ประกอบ ที่เป็นกรรมสิทธิ์ในระดับที่ต่ำ For instance Linux and Unix share the IEEE POSIX standard so they are compatible at the interface level that standard defines. ยกตัวอย่างเช่นหุ้น Linux และ Unix IEEE มาตรฐาน POSIX เพื่อให้พวกเขาเข้ากันได้ในระดับอินเตอร์เฟซที่มาตรฐานกำหนด
By this definition, many common operating systems can be lumped together and considered to be similar or Compatible. โดยนิยามนี้หลายระบบปฏิบัติการทั่วไปสามารถ lumped กันและถือเป็นที่คล้ายกันหรือเข้ากันได้ OS/2 and Windows are similar. OS / 2 และ Windows จะคล้ายกัน UNIX and BSD are Similar, Linux is Compatible. UNIX และ BSD เป็นที่คล้ายกัน, Linux สามารถใช้งานได้
The minimum distance between two distinct operating systems is probably that between Plan 9 and Unix. ระยะทางขั้นต่ำระหว่างสองระบบปฏิบัติการที่แตกต่างกันอาจเป็นว่าระหว่างจัดทำแผน 9 และ Unix Despite their differences, both were created by the same person to achieve the exact same goals. แม้จะมีความแตกต่างของพวกเขาทั้งสองถูกสร้างขึ้นโดยบุคคลเดียวกันเพื่อให้บรรลุเป้าหมายเดียวกันแน่นอน And despite the time interval between Unix and Plan 9, it is obvious that the designers felt that many of the UNIX design decisions were still good. และแม้จะมีช่วงเวลาระหว่าง Unix และแผน 9 จะเห็นได้ชัดว่านักออกแบบรู้สึกว่าส่วนมากของ UNIX ตัดสินใจในการออกแบบก็ยังคงดี This all goes to show that Plan 9 and Unix are as close as two operating systems can ever get while remaining distinct. ทั้งหมดนี้ไปแสดงว่าแผน 9 และ Unix อยู่ใกล้เคียงเป็นสองระบบปฏิบัติการที่เคยได้รับในขณะที่เหลือที่แตกต่างกัน
Note that this test of the distinctiveness of operating systems has an analog used in biology to establish the distinctness of species. โปรดทราบว่าการทดสอบของความพิเศษของระบบปฏิบัติการนี​​้มีอะนาล็อกที่ใช้ในทางชีววิทยาเพื่อสร้างความแตกต่างของสายพันธุ์ Biology recognizes species as distinct when they can no longer freely interbreed. ชีววิทยาตระหนักถึงสายพันธุ์ที่แตกต่างกันเช่นเมื่อพวกเขาไม่สามารถทำให้ผสมพันธ์ุกันอย่างอิสระ For our purposes, operating systems are distinct when they can no longer freely share code. สำหรับวัตถุประสงค์ของเราระบบปฏิบัติการที่แตกต่างเมื่อพวกเขาไม่สามารถรหัสร่วมได้อย่างอิสระ